หากพูดถึงแบรนด์ระดับโลกที่มีเรื่องราวและประวัติศาสตร์ยาวนาน “Hermès” มักจะเป็นชื่อแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึงเสมอ ตั้งแต่การออกแบบเครื่องหนังอันเป็นเอกลักษณ์ ไปจนถึงเสื้อผ้าและเครื่องประดับสุดประณีต Hermès ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าคุณภาพและสไตล์จะต้องมาพร้อมกันเพื่อสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม ล่าสุดกับคอลเล็กชัน Hermès FW25 Collection ที่หลาย ๆ คนต่างตั้งตารอว่าในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวครั้งนี้ แบรนด์จะสร้างความตื่นเต้นและความแปลกใหม่อย่างไรบ้าง
สำหรับซีซั่น Fall/Winter 2025 ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ Hermès เพราะเป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องงานหัตถศิลป์ (handcraft) ที่ผสมผสานเทคโนโลยีและเทคนิคสมัยใหม่เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างน่าทึ่ง การันตีด้วยลายเส้น สไตล์ และความพิถีพิถันที่แฝงอยู่ในทุก ๆ รายละเอียด เรียกได้ว่าคอลเล็กชันนี้สื่อถึงอัตลักษณ์ของ Hermès ได้ชัดเจนที่สุดอีกครั้ง ตั้งแต่ซิลูเอตสุดคลาสสิกที่ต่อยอดมาจากทรงเสื้อผ้าดั้งเดิมของแบรนด์ จนถึงเนื้อผ้าและวัสดุสุดล้ำที่ให้ความเบาสบายแต่ยังคงความทนทานและหรูหรา
กลิ่นอายความคลาสสิกที่ไม่เคยเลือนหาย
Hermès ขึ้นชื่อเรื่องการยึดถือความคลาสสิกเป็นหัวใจหลักในการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นการตัดเย็บที่ใช้วัสดุคุณภาพสูง ความประณีตในทุกรอยเย็บ และโทนสีที่ให้ความรู้สึกเรียบหรูแต่โดดเด่นเสมอ ในคอลเล็กชัน Hermès FW25 Collection นี้ เราจะเห็นโครงเสื้อผ้าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชุดสูทและโค้ททรงคลาสสิกที่ Hermès เคยทำได้อย่างดีในคอลเล็กชันก่อน ๆ แล้วนำมาปรับให้เข้ากับยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงที่ดูมีความสบายขึ้น แต่ยังคงซึ่งความคมชัดของคัตติ้ง หรือเน้นให้การสวมใส่ไม่เทอะทะจนเกินไป เพราะใส่ใจคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความคล่องตัวเป็นหลัก
สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Hermès เช่น กระเป๋าหนังสานลายหรือกระเป๋าทรงคลาสสิกยังคงปรากฏตัวเด่น ๆ ใน FW25 แต่ปรับรายละเอียดให้มีลูกเล่นมากขึ้น เช่น หูจับที่สามารถถอดเปลี่ยนสีได้ หรือเพิ่มฮาร์ดแวร์โลหะเคลือบเงาใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ลุคโดยรวมดูโมเดิร์นกว่าเดิม อีกทั้งสีที่ใช้ในคอลเล็กชันนี้ยังเน้นโทนสีเรียบหรูอย่างสีคาราเมล สีเบจ สีดำ สีน้ำตาลช็อกโกแลต และสีน้ำเงินกรมท่า เป็นการเล่นสีที่ Hermès ถนัดอยู่แล้ว แต่เพิ่มเติมบางเฉดให้ดูหลากหลายและสนุกมากยิ่งขึ้น
ความแปลกใหม่และความกล้าที่จะผสมผสาน
แม้ Hermès จะมีความเป็นแบรนด์สุดคลาสสิก แต่ทว่าการออกแบบก็ไม่หยุดนิ่ง Hermès FW25 Collection นี้ มีการผสมผสานเทคนิคการทอผ้าใหม่ ๆ และวัสดุสังเคราะห์เข้ามาในบางจุดอย่างลงตัว เสื้อโค้ทบางตัวจะมีการบุด้านในด้วยวัสดุที่ช่วยกักเก็บความร้อนแต่ไม่อับชื้น เหมาะกับสภาพอากาศหนาวจัดแต่ยังต้องการความเบาสบาย ส่วนเสื้อสเวตเตอร์มีการใช้เทคนิคถักไหมพรมผสมเส้นใยที่มีคุณสมบัติป้องกันน้ำเล็กน้อย (water-repellent) ทำให้เราใส่ออกไปข้างนอกตอนฝนปรอย ๆ หรือหิมะบาง ๆ ได้โดยไม่ต้องพะวงมาก
อีกทั้งทางแบรนด์ยังได้ทดลองกับงานพิมพ์ลายใหม่ ๆ เช่น ลายพิมพ์กราฟิกผสมลายเส้นมินิมอลซึ่งปกติอาจหาได้ยากในคอลเล็กชัน Hermès มองผ่าน ๆ อาจจะดูเรียบง่าย แต่หากสังเกตลึกลงไปจะเห็นรายละเอียดของลายที่ซ้อนทับกันเป็นชั้น ๆ ทำให้เกิดมิติและ texture ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว นอกจากนี้ Hermès ยังแอบใส่ดีเทลเครื่องหนังชิ้นเล็ก ๆ ตามเสื้อ แจ็กเก็ต หรือขอบกระเป๋า เช่น การเย็บแถบหนังเส้นเล็ก ๆ ตรงคอปกหรือข้อมือ เพื่อสื่อถึงจุดกำเนิดของแบรนด์อย่างการเป็นผู้ผลิตเครื่องม้าและเครื่องหนังสุดประณีตในอดีต ซึ่งถือเป็นความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน
โทนสีที่สะท้อนบรรยากาศฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
เมื่อพูดถึงฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูหนาว เรามักจะนึกถึงสีโทนเข้ม ๆ อบอุ่น ๆ Hermès จึงเน้นใช้สีเอิร์ธโทน (earth tone) เป็นหลัก ผสมผสานกับเฉดสีที่ให้ความรู้สึกหรูและเคร่งขรึมแบบ “Hermès signature” เช่น สีดำ สีน้ำเงินกรมท่า และสีน้ำตาลเข้ม แต่ในคอลเล็กชัน Hermès FW25 Collection ก็ยังเพิ่มสีที่สว่างขึ้นมาอย่างสีขาวงาช้างและสีเทาซิลเวอร์บางเฉด เพื่อสร้างความแปลกตาและเป็นกิมมิกเล็ก ๆ ให้คนที่เบื่อโทนเข้มเดิม ๆ ได้มีตัวเลือกใหม่
นอกจากนี้ยังมีการเน้นใช้สีเมทัลลิกเล็กน้อยในบางชิ้น อย่างเช่น กระเป๋าคลัทช์แบบหนังเคลือบเงาสีเงินหรือสีทองอ่อน ๆ ที่เข้ากันได้ดีกับโทนสีโมโนโครม ทำให้การแต่งตัวดูมีจุดเด่นสะดุดตา แม้จะเป็นการแต่งลุคไปทำงานหรือไปออกงานยามค่ำคืนก็ตาม ความพอดีตรงนี้ทำให้ลุคไม่ดูเวอร์จนเกินไป แต่ก็ไม่เรียบจนไร้ชีวิตชีวา
กลิ่นอายความเป็น Outdoor ผสมผสานความหรูหรา
ด้วยความที่ Hermès เคยมีแรงบันดาลใจจากการทำอุปกรณ์ขี่ม้าหรือเครื่องหนังสำหรับการเดินทางมาก่อน ใน Hermès FW25 Collection จึงคงยังเห็นคอนเซ็ปต์การใส่ลูกเล่นที่สะท้อนความเป็น Outdoor Adventure ไว้อยู่บ้าง เช่น แจ็กเก็ตที่ปรับเชือกเอวได้ มีกระเป๋าหลายช่องเพื่อง่ายต่อการใช้งาน หรือกางเกงที่กันลมกันฝนได้ดี แต่ทั้งหมดนี้ถูกดีไซน์ให้มีความหรูหราในแบบ Hermès ถือเป็นไอเท็มที่หลายคนน่าจะอยากเป็นเจ้าของ เพราะจะใส่เดินเล่นในเมืองก็ดูเท่ หรือจะใส่ไปเที่ยวในสถานที่ที่อากาศหนาวจริงจังก็ยังรับมือได้
ใครที่ชอบความแตกต่างอาจจะลองมองหาเสื้อแบบโอเวอร์ไซซ์ (oversized) ซึ่ง Hermès ได้ใส่ความชิคของยุคใหม่เข้าไป ด้วยการดีไซน์คอตั้ง มีฮู้ดที่สามารถถอดออกได้ และบางรุ่นยังมีช่องซิปที่ทำให้เสื้อกลายเป็นแนว crop ได้ด้วย เหมาะกับสายแฟชั่นสุดจี๊ดที่อยากได้ลุคสตรีทแต่ยังคงความพรีเมียม
เครื่องประดับและกระเป๋าเอกลักษณ์
ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือหมวดเครื่องประดับ (accessories) และกระเป๋าที่เป็นหมัดเด็ดของ Hermès มาโดยตลอด Hermès FW25 Collection มีความหลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่กระเป๋าใบเล็กใส่มือถือ ใส่บัตร เดินเล่นชิล ๆ ไปจนถึงกระเป๋าถือสำหรับทำงานหรือใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเน้นความทนทานและดีไซน์มินิมอลที่แฝงความหรูหรา มีการใช้ฮาร์ดแวร์โลหะเงาแบบใหม่ที่ถูกออกแบบมาให้ลดรอยขีดข่วนได้ดีขึ้น และยังคงแอบใส่โลโก้ Hermès แบบลายนูนหรือลายปั๊มเล็ก ๆ ให้แฟน ๆ ได้ชื่นชมกัน
ส่วนเครื่องประดับก็มีตั้งแต่ผ้าพันคอไหมลายพิเศษที่มีโทนสีเข้ากับเสื้อผ้าในคอลเล็กชัน ไปจนถึงเข็มขัดหนังที่มีดีไซน์หัวเข็มขัดหลากหลายรูปแบบ ทั้งหัวเข็มขัดทรง H คลาสสิกที่หลายคนหลงรัก ไปจนถึงหัวเข็มขัดแบบใหม่ที่อาจจะดูมินิมอลกว่า แต่ยังคงประกาศความ Hermès ได้ชัดเจนเมื่อมองใกล้ ๆ
งานโชว์สุดอลังการ
Hermès FW25 Collection เปิดตัวในงานแฟชั่นโชว์ที่กรุง Paris (ชื่อสถานที่คงเดิม) ซึ่งเป็นจุดที่ Hermès มักจะใช้จัดแสดงคอลเล็กชันใหญ่มาโดยตลอด บรรยากาศภายในงานสื่อถึงฤดูหนาวด้วยแสงไฟโทนอุ่นและการตกแต่งที่เรียบง่ายแต่อบอุ่น ฟรอนต์โรว์เต็มไปด้วยแขกคนสำคัญและแฟชั่นไอคอนที่ไม่พลาดจะมาเกาะติดเทรนด์ Hermès คนดังในแวดวงต่าง ๆ ต่างให้ความสนใจ เพราะแบรนด์นี้มักจะมีเซอร์ไพรส์ หรือดีไซน์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นนวัตกรรมซ่อนอยู่เสมอ ซึ่งไม่ใช่แค่โชว์สวย ๆ เท่านั้น แต่ยังสะท้อนการเติบโตและทิศทางของ Hermès ในอนาคตด้วย
มีการกล่าวถึงการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อย่างหนังที่ได้จากฟาร์มที่รับรองมาตรฐานและมีวิธีการที่ยั่งยืน อีกทั้งยังมีการพัฒนาหนังแบบรีไซเคิลสำหรับบางจุด เพื่อส่งเสริมแนวคิดการลดของเหลือใช้ ตอบรับเทรนด์แฟชั่นโลกที่ให้ความสำคัญกับ sustainability มากขึ้น บวกกับการเลือกใช้ผ้าออร์แกนิกสำหรับเสื้อโค้ทหรือสเวตเตอร์หลายรุ่น ซึ่ง Hermès เองก็ให้ความใส่ใจว่าไม่เพียงแต่สวย แต่ต้องผลิตอย่างรับผิดชอบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมด้วย
เคล็ดลับการมิกซ์แอนด์แมตช์ Hermès FW25 Collection
- ลุคทำงานสุดเท่: เลือกเสื้อโค้ทสีเข้มคัตติ้งเนี้ยบ ใส่ทับเสื้อเชิ้ตเรียบ ๆ จับคู่กับกางเกงทรงสลิมหรือกระโปรงทรงสอบ แล้วเพิ่มความโดดเด่นด้วยกระเป๋าหนังทรงคลาสสิกสักใบ ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและเสน่ห์ที่หรูหราในเวลาเดียวกัน
- ลุคเดินเที่ยวชิล ๆ: หยิบเสื้อสเวตเตอร์ไหมพรมลายกราฟิกจาก FW25 Collection มาจับคู่กับกางเกงยีนส์สีเข้ม ขาดนิด ๆ เพื่อเพิ่มความเท่ สะพายกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กที่มีดีเทลหนัง เผยความโดดเด่นแบบ Hermès รับรองว่าแม้ลุคจะดูสบาย ๆ แต่ยังคงกลิ่นอายของความพรีเมียม
- ลุคออกงานกลางคืน: เลือกกระโปรงพลีทผ้าซาตินสีดำ จับคู่กับเสื้อทรงแขนยาวผ้าไหมเนื้อละเอียด เพิ่มกระเป๋าคลัทช์ทรงกะทัดรัดสีเมทัลลิก จากนั้นสวมรองเท้าส้นสูงสีดำหรือสีทองอ่อน ๆ เติมผ้าพันคอผ้าไหมพิมพ์ลาย Hermès เป็นแอคเซสซอรี่ชิ้นเด็ด ก็ทำให้ลุคคุณหรูขึ้นในพริบตา
เหตุผลที่ Hermès FW25 Collection เป็นที่กล่าวขวัญ
- การผสมผสานความคลาสสิกและความโมเดิร์น: Hermès ไม่ได้ละทิ้งรากเหง้าเดิมของแบรนด์ แต่กลับนำมาเป็นโครงสร้างหลักในการออกแบบ แล้วเพิ่มเติมด้วยวัสดุและเทคนิคใหม่ ๆ ทำให้คอลเล็กชันนี้ตอบโจทย์ทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่
- ความพิถีพิถันระดับงานคราฟต์: ทุกครั้งที่มีคอลเล็กชันใหม่ Hermès จะพิสูจน์ว่าการเลือกวัสดุ งานเย็บ และดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ Hermès เชื่อว่าคุณค่าของงานฝีมือคือสิ่งที่ทำให้แบรนด์ยืนหยัดอยู่ในวงการแฟชั่นระดับโลกมาตลอด
- ความเป็นเอกลักษณ์และซิกเนเจอร์: Hermès FW25 Collection ยังมีรายละเอียดที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์ของแบรนด์ อย่างลายหนังเฉพาะ หรือโลโก้ Hermès ที่หลายคนหลงใหล และยังต่อยอดให้เข้ากับเทรนด์สมัยใหม่ได้อย่างลงตัว
- สะท้อนเทรนด์แฟชั่นอย่างยั่งยืน: Hermès เริ่มให้ความสำคัญกับการใช้วัสดุแบบยั่งยืนและกระบวนการผลิตที่มีจริยธรรมมากขึ้น ซึ่งเป็นทิศทางที่แฟชั่นยุคปัจจุบันให้ความสนใจ และแน่นอนว่าจะยิ่งทำให้แบรนด์แข็งแรงในอนาคต
สรุปส่งท้าย
Hermès FW25 Collection จึงเปรียบเสมือนอีกหนึ่งความล้ำค่าที่สานต่อประวัติศาสตร์และผสมผสานอนาคตไว้ได้อย่างครบถ้วน การออกแบบที่ไม่ยึดติดกับอดีตจนเกินไป แต่ก็ไม่ทิ้งรากเหง้าคลาสสิกของ Hermès เป็นความชาญฉลาดของแบรนด์ที่ทำให้แฟชั่นนิสต้าทั่วโลกต่างยอมรับและรอคอย ด้านคุณภาพงานฝีมือก็ดีงามตามมาตรฐาน Hermès ที่ไม่มีใครเทียบได้ ตั้งแต่ลายเย็บยันรายละเอียดเล็ก ๆ บนกระเป๋าและเครื่องประดับ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม Hermès FW25 Collection ถึงเป็นที่พูดถึงและคาดหวังมากในซีซั่นนี้
หากคุณกำลังมองหาไอเท็มฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่จะคงความหรูหราและยังใช้งานได้จริง คอลเล็กชันนี้ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกชั้นยอด Hermès ไม่เคยทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง ทั้งเรื่องคุณภาพและสไตล์ที่เข้ากับยุคสมัย ใครได้ครอบครองก็เหมือนได้สะสมงานศิลปะบนเรือนร่างชิ้นหนึ่ง ซึ่งถ่ายทอดความอ่อนช้อยและความละเอียดลออผ่านการออกแบบ และนี่คือเหตุผลที่ Hermès ยังคงเป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นระดับโลกที่ไม่มีวันตกยุคอย่างแท้จริง