การช็อปปิ้งออนไลน์ในประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบการชำระเงินปลายทาง (Cash on Delivery – COD) ซึ่งเป็นช่องทางที่มิจฉาชีพใช้ในการหลอกลวงผู้บริโภค ล่าสุด รัฐบาลไทยได้ประกาศมาตรการใหม่เพื่อแก้ไขปัญหานี้
สถิติอาชญากรรมทางเทคโนโลยีชี้ให้เห็นว่า การได้รับสินค้าไม่ตรงตามที่โฆษณาเป็นปัญหาอันดับหนึ่ง โดยมีมากกว่า 200,000 คดี แม้ว่าความเสียหายทางการเงินอาจไม่สูงเท่าการหลอกลงทุน แต่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความเชื่อมั่นในการค้าออนไลน์
วิธีการหลอกลวงที่พบบ่อย ได้แก่:
- การส่งสินค้าคุณภาพต่ำกว่าที่โฆษณา
- การเปิด “ร้านผี” ที่หายตัวไปหลังจากได้รับเงิน
- การสวมรอยสั่งสินค้าและเรียกเก็บเงินปลายทางจากผู้ที่ไม่ได้สั่งซื้อ
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ร่วมกับสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้เสนอการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบการชำระเงินปลายทาง โดยมีสาระสำคัญดังนี้:
- ผู้ให้บริการขนส่งต้องถือครองเงินค่าสินค้าเป็นเวลา 5 วันก่อนส่งต่อให้ผู้ขาย
- ผู้บริโภคมีสิทธิ์เปิดดูสินค้าก่อนชำระเงิน
- หากพบปัญหา ผู้บริโภคสามารถปฏิเสธการชำระเงินและไม่รับสินค้าได้
- ผู้ให้บริการขนส่งต้องระบุรายละเอียดผู้ส่งสินค้า ผู้รับเงิน และหมายเลขติดตามพัสดุอย่างชัดเจน
มาตรการใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Dee-Delivery” ซึ่งมีเป้าหมายในการยกระดับความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของการช็อปปิ้งออนไลน์ในประเทศไทย โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม 2567
การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคมีเวลาตรวจสอบสินค้าและขอเงินคืนได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างความโปร่งใสในระบบการขนส่งและการชำระเงิน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกลวงและเพิ่มความมั่นใจในการทำธุรกรรมออนไลน์ของผู้บริโภคชาวไทย