ยกเครื่อง Planet Ocean เจน 4 ให้ “โปรฯ ขึ้น” แต่ “บางลง” จนต้องหลงรัก
ถ้าพูดถึง นาฬิกาดำน้ำหรู ที่ครบเครื่องทั้งเรื่องสเปกและความเท่แบบใส่ได้ทุกวัน ชื่อของ OMEGA Seamaster Planet Ocean (PO) ต้องติดโผอันดับต้น ๆ เสมอ และปี 2025 นี้ ถือเป็นปีทองที่ OMEGA ฉลองครบรอบ 20 ปีของซีรีส์นี้ด้วยการ “ยกเครื่อง” ดีไซน์ครั้งใหญ่! นี่คือ Planet Ocean เจเนอเรชันที่ 4 ที่ปรับลุคใหม่ให้ดูโมเดิร์น คมขึ้น แต่ยังคงความดุดันของ DNA สายดำน้ำไว้แบบไม่ทิ้งลายเลยสักนิด
ย้อนรอยตำนานสั้น ๆ: ทำไม Planet Ocean ถึงสำคัญ?
PO เปิดตัวครั้งแรกในปี 2005 โดยวางตำแหน่งให้เป็นพี่ใหญ่ของตระกูล Seamaster เป็นนาฬิกาดำน้ำที่ “จริงจังกว่า” รุ่นยอดนิยมอย่าง Seamaster Diver 300M โดยมาพร้อมสเปกกันน้ำที่ความลึก 600 เมตร (ในขณะที่ 300M กันน้ำ 300 เมตร) มีฟีเจอร์สำหรับนักดำน้ำมืออาชีพอย่าง helium escape valve และแน่นอนว่าใช้กลไก Co-Axial ที่เป็นลายเซ็นของ OMEGA
ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา PO ได้ถูกใช้เป็นสนามโชว์เทคโนโลยีด้านดำน้ำสุดล้ำของ OMEGA ทั้งรุ่นที่ใช้ Liquidmetal, ตัวเรือนเซรามิก Deep Black หรือแม้แต่รุ่น Ultra Deep ที่เคยลงไปถึงก้นร่องลึก Mariana Trench มาแล้ว เรียกว่าเป็นซีรีส์ที่ OMEGA ใส่สุดทุกทางเพื่อพิสูจน์ตัวเองในโลกของ tool watch ระดับไฮเอนด์
เจน 4: บางลง คมขึ้น และการจากไปของ Helium Valve
สิ่งที่ถือเป็น บิ๊กดีล ใน Planet Ocean เจน 4 คือการออกแบบตัวเรือนใหม่เกือบทั้งหมด! OMEGA นำขนาดตัวเรือนกลับมาที่ 42 มม. ซึ่งเป็นขนาดคลาสสิกของรุ่นแรก แต่สิ่งที่เป็นไฮไลต์คือการ “รีด” ความหนาให้บางลง เหลือประมาณ 13.7 มม. และ Lug-to-Lug (ความยาวของตัวเรือนจากบนลงล่าง) อยู่ที่เพียง 47.5 มม. ทำให้เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ๆ ที่อาจจะดูเทอะทะจนเกินไปเมื่อใส่กับชุดทางการ รุ่นใหม่นี้ใส่ได้กับเชิ้ตหรือสูทอย่างลงตัวสุด ๆ
รูปทรงเคสถูกปรับจากเส้นโค้งแบบ Seamaster ยุคก่อน ๆ มาเป็น เส้นเหลี่ยมที่คมชัด และมีมุมที่ดูดุดันมากขึ้น ทำให้ได้กลิ่นอายของ Seamaster ยุค 70s-90s ที่เน้นความแข็งแกร่งเชิงโครงสร้างมากขึ้น ลุคโดยรวมเลยดู โมเดิร์น ล้ำ และสปอร์ตลักซ์ ผสมกัน
แต่ที่ทำเอาแฟน ๆ อึ้งแต่ก็ชอบ คือ OMEGA ตัด helium escape valve ออกไปแล้ว! ใช่ครับ วาล์วเล็ก ๆ ตรงตำแหน่ง 10 นาฬิกาหายไปแล้ว ทำให้ตัวเรือนดูสะอาดตาและใส่ง่ายขึ้นอย่างมาก แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือ ความสามารถในการกันน้ำ 600 เมตร ยังอยู่ครบ! นั่นแปลว่า OMEGA ใช้เทคโนโลยีโครงสร้างตัวเรือนที่พัฒนามาจากโปรเจกต์ Ultra Deep เพื่อรักษาความสามารถโปรฯ นี้ไว้ได้ โดยไม่ต้องพึ่งวาล์วให้เสียลุคใส ๆ
หน้าปัดและสีสัน: Orange is the New Black!
ดีไซน์หน้าปัดยังคงเป็น Planet Ocean ที่อ่านง่ายตามสไตล์ tool watch หน้าปัดดำด้าน, เข็ม Broad Arrow ขนาดใหญ่, มาร์กเกอร์แท่งที่ชัดเจน พร้อม Super-LumiNova ที่เรืองแสงสองโทนเพื่อแยกความแตกต่างใต้น้ำได้ชัดเจน
คอลเล็กชันเปิดตัวมาใน 3 โทนสีหลักที่เรียกเสียงฮือฮา:
-
Orange Bezel: สีส้มคือ ดีเอ็นเอของ Planet Ocean มาตั้งแต่แรก และครั้งนี้มันกลับมาในรูปแบบ เบเซลเซรามิกสีส้ม พร้อมตัวเลขอารบิกสีส้มบนหน้าปัด ดึงดูดสายตาแบบสุด ๆ ใครสายวินเทจที่ชอบความจัดจ้านต้องโดน
-
Blue Bezel: โทนสีน้ำเงินเข้ม เป็นสีที่ให้ลุค สปอร์ตแต่สุภาพ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการนาฬิกาดำน้ำที่ใส่ทำงานได้แบบไม่เอะอะ
-
Black Bezel: ดำทั้งหน้าปัดและเบเซล แต่เพิ่มความพรีเมียมด้วยการใช้ตัวเลขและดีเทลชุบโรเดียม ให้ฟีลลิ่งที่ เรียบหรู แต่แพงมาก เหมาะกับสายมินิมอลที่ชอบความเนี๊ยบ
เบเซลทั้งหมดเป็นเซรามิกที่ทนรอยขีดข่วน พร้อมสเกลดำน้ำแบบไฮบริดที่อ่านง่ายในทุกสภาพแสง
สายนาฬิกา: ฟีลลิ่ง ‘สปอร์ตลักซ์’ ที่ข้อมือ
OMEGA ปรับจูนทั้งสายเหล็กและบานพับใหม่หมดจด!
-
สายเหล็ก: มาในดีไซน์ลิงก์แบนทรงบล็อกที่ดู แน่นและแข็งแกร่ง มีความสปอร์ตลักซ์อยู่ในตัว พร้อมการไล่ขนาดจาก 21 มม. ลงไปเหลือ 16.5 มม. ที่บานพับ ทำให้เวลาใส่แล้ว บาลานซ์กับข้อมือ ได้ดี ไม่รู้สึกว่าหนักหรือเกะกะจนเกินไป
-
บานพับ มีระบบ micro-adjust ที่ปรับความยาวได้หลายสเต็ปแบบไม่ต้องใช้เครื่องมือ แถมยังมี dive extension สำหรับใส่ทับชุดเว็ทสูทเวลาไปดำน้ำจริง ๆ ด้วย
-
-
สายยาง: ก็ไม่ธรรมดา ด้านนอกมีแพทเทิร์นสวยงาม ส่วนด้านในสลักลายคลื่น (Wave Pattern) แบบเดียวกับ Seamaster 300M ให้สัมผัสที่นุ่มสบายข้อมือมาก คนที่ชอบความเบาและคล่องตัวน่าจะรักสายยางของเจน 4 นี้
กลไกและสเปก: โปรฯ ตามมาตรฐาน Master Chronometer
ภายในแน่นอนว่าเป็นเครื่อง Co-Axial Master Chronometer รุ่นใหม่ล่าสุดที่ผ่านการรับรอง METAS ซึ่งการันตีเรื่องความเที่ยงตรงระดับเทพ และคุณสมบัติในการ กันสนามแม่เหล็กสูง (หลักพันเกาส์) หมดปัญหาเรื่องความแม่นยำเมื่อต้องเจอกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในชีวิตประจำวัน พร้อมพลังงานสำรองที่ยาวนาน ทำให้คุณสามารถสลับใส่กับเรือนอื่นได้โดยไม่ต้องคอยตั้งเวลาใหม่บ่อย ๆ
แม้จะไม่มี helium escape valve แล้วอย่างที่บอก แต่ด้วยโครงสร้างตัวเรือนแบบสองชั้นที่มี inner titanium ring ก็ทำให้ PO เจน 4 ยังคงรักษาสเปก กันน้ำ 600 เมตร ได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งเป็นการพิสูจน์เทคโนโลยีที่สืบทอดมาจาก Ultra Deep นั่นเอง
ราคาและตำแหน่งทางการตลาด: นาฬิกาสองแสนที่คุ้มค่าทุกบาท
ด้านราคาก็อยู่ในโซน ไฮเอนด์ ตามชื่อชั้นของ OMEGA โดยรุ่นสายเหล็กสีดำและน้ำเงินจะอยู่ที่ราว 7,200 ฟรังก์สวิส (ก่อนภาษี) ส่วนสีส้มจะแพงขึ้นนิดหน่อยราว 7,400 ฟรังก์สวิส ถ้าเปลี่ยนเป็นสายยางก็จะราคาเบาลงเล็กน้อย แปลเป็นเงินไทยก็ต้องมี สองแสนกว่า ๆ ขึ้นไป
กลุ่มเป้าหมายของ PO เจน 4 ชัดเจนมาก คือคนที่ต้องการ นาฬิกาดำน้ำตัวจริง (Real Dive Watch) ที่มีสเปกโปรฯ แต่ ดีไซน์เนี๊ยบพอ ที่จะใส่ไปประชุม, เดินห้าง, หรือออกทริปหรู ๆ ได้แบบไม่รู้สึกว่า “ใหญ่โต” หรือ “เยอะเกินไป” เหมือนนาฬิกาดำน้ำขนาดใหญ่บางยี่ห้อ
ภาพลักษณ์และความปัง: เมื่อสายลุยโคจรมาเจอกับ ‘James Bond’ คนใหม่
การที่ OMEGA ดึง Glen Powell นักแสดงฮอลลีวูดที่หลายคนจับตามองว่าเป็นตัวเต็ง James Bond คนต่อไป มาเปิดตัว Seamaster Planet Ocean เจน 4 ก็ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ของนาฬิกาเรือนนี้ให้ไม่ได้อยู่แค่ในโลกของนักดำน้ำ แต่เชื่อมโยงเข้ากับไลฟ์สไตล์แบบ แอ็กชัน ลักซ์ชัวรี และความเป็น Bond Universe อย่างแนบเนียน
ด้วยประวัติอันยาวนานของ Seamaster ที่ผูกพันกับ James Bond มาตลอด ทำให้ Planet Ocean รุ่นใหม่ทำหน้าที่เป็น “สะพาน” ที่เชื่อมโลกของ tool watch สายเทคนิค เข้ากับโลกของ แฟชั่นและภาพลักษณ์ แบบไฮเอนด์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ใครที่ชอบนาฬิกาสายดำน้ำที่ดูเท่ ฉลาด และไม่โฉ่งฉ่างจนเกินงาม ต้องยอมรับว่าเจน 4 นี้มันลงตัวที่สุดแล้ว
สรุป: ใครคือเจ้าของ OMEGA Seamaster Planet Ocean เจน 4?
-
คนที่มองหา นาฬิกาดำน้ำตัวจริง แต่ต้อง ใส่ในชีวิตประจำวัน ได้สบาย ๆ
-
แฟน ๆ Planet Ocean เดิม ที่อยากได้ดีไซน์ที่ บางลง โมเดิร์นขึ้น และใส่ง่ายกว่าเดิม
-
คนที่เคยไม่ชอบ helium escape valve และขนาดใหญ่ของรุ่นก่อน ๆ เพราะเจน 4 แก้สองจุดนี้ให้หมดแล้ว
-
สาวก สีส้ม ของ OMEGA ที่หลงรักเบเซลส้มตั้งแต่ PO รุ่นแรกในปี 2005
ถ้าคุณอยากได้นาฬิกาดำน้ำที่ บาลานซ์ ระหว่างความเป็น “เครื่องมือโปรฯ” กับความเป็น “เครื่องประดับแฟชั่น” ได้ดีที่สุดในตลาดตอนนี้ พร้อมแบ็กกราวด์แบรนด์ที่หนักแน่นสุด ๆ Seamaster Planet Ocean รุ่นใหม่ ถือเป็นตัวเลือกที่น่าลงทุนบนข้อมือของคุณมากที่สุดในปีนี้!
FAQ 3 หัวข้อ
Q1: Planet Ocean เจน 4 มีอะไรเปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนจนต้องซื้อใหม่?
A: จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดคือ ตัวเรือนที่บางลง และการปรับดีไซน์ให้มีเหลี่ยมมุมคมชัดขึ้น ทำให้ลุคโมเดิร์นและใส่ง่ายกว่าเดิมมาก ที่สำคัญคือ ตัด helium escape valve ออก แต่ยังรักษาความสามารถในการกันน้ำ 600 เมตรไว้ได้ด้วยเทคโนโลยีโครงสร้างใหม่ และมีการออกแบบสายเหล็ก/บานพับให้ใส่สบายและดูสปอร์ตลักซ์ขึ้นมาก
Q2: OMEGA กล้าตัด helium escape valve ออก แล้วสเปกดำน้ำยังเชื่อถือได้อยู่ไหม?
A: เชื่อถือได้แน่นอนครับ! OMEGA ตัดวาล์วออกเพื่อทำให้ตัวเรือนดูสะอาดตาขึ้น แต่ใช้ เทคโนโลยีตัวเรือนแบบสองชั้น (Dual-Layer Case) ที่มีแหวนไทเทเนียมด้านใน ซึ่งพัฒนามาจากโปรเจกต์ Ultra Deep เพื่อรักษา ระดับการกันน้ำ 600 เมตร ไว้ได้เหมือนเดิม ทำให้มันยังเป็นนาฬิกาดำน้ำ ระดับโปรฯ เต็มตัว ไม่ใช่แค่นาฬิกาแฟชั่นอย่างเดียว
Q3: ถ้าเทียบกับ Seamaster Diver 300M (Bond Watch) ควรเลือก Planet Ocean ใหม่ตัวนี้เลยไหม?
A: ถ้าคุณชอบความ คลาสสิก บางเบา กว่า ราคาเข้าถึงง่ายกว่า และสไตล์ที่ดูวินเทจหน่อย 300M ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม แต่ถ้าคุณอยากได้ความ “สุด” ทั้งสเปกกันน้ำ 600 เมตร คาแรกเตอร์สายดำน้ำที่เข้มข้นกว่า และต้องการนาฬิกาที่เป็นเหมือน โชว์เคสเทคโนโลยี ด้านดำน้ำล่าสุดของ OMEGA และชอบดีไซน์ที่ดู โมเดิร์น ล้ำ กว่า Planet Ocean เจน 4 น่าจะเป็นตัวที่ควรขยับไปลองบนข้อมือดูครับ
