ใครที่คิดถึง Jin Yi Soo ทายาทเศรษฐีรุ่นที่ 3 ตำรวจสายเฟล็กซ์เตรียมเฮได้เลย เพราะ SBS คอนเฟิร์มแล้วว่า “Flex X Cop” ซีซัน 2 มาแน่! แถมไม่ได้กลับมาธรรมดา แต่พกความฮอตของสองนักแสดงตัวท็อปอย่าง Ahn Bo Hyun และ Jung Eun Chae มานำทีมสืบสวนครั้งใหม่ ที่บอกเลยว่าเคมีน่าจับตาสุด ๆ เตรียมกลับมาป่วนจออีกครั้งในปี 2026
หลังจากซีซันแรกของ “Flex X Cop” ที่ออกอากาศในปี 2024 ทำเรตติ้งและกระแสปากต่อปากแบบแรงไม่หยุด กับคอนเซ็ปต์ “ไฮโซสายสืบ” ที่ใช้เงิน เส้นสาย และสกิลชีวิตมาช่วยสืบคดี แถมยังเล่าเรื่องด้วยโทนคอมเมดี้ผสมแอ็กชัน ดูเพลินแบบย่อยง่าย ซีซัน 2 ก็เลยถูกดันให้เดินหน้าต่ออย่างเป็นทางการ เตรียมออกอากาศในปี 2026 ตามไลน์อัปซีรีส์ใหญ่ของ SBS ที่เน้นทำจักรวาลซีรีส์หลายซีซันแบบจริงจัง (Soompi) บอกเลยว่านี่คือสัญญาณที่ดีที่วงการซีรีส์เกาหลีจะมีการสร้างแฟรนไชส์ที่แข็งแรงมากขึ้น
💰 ใครเล่นอะไรใน Flex X Cop 2? และทำไมถึงเปลี่ยนนางเอก?
Ahn Bo Hyun กลับมาในเวอร์ชัน “โตขึ้นแต่ยังเฟล็กซ์”
ในซีซัน 2 นี้ Ahn Bo Hyun จะกลับมารับบทเดิม “Jin Yi Soo” ทายาทเศรษฐีรุ่นที่ 3 ที่เคยเป็นคุณชายใช้เงินฟาดทุกอย่าง แต่โดนลากเข้ามาเป็นตำรวจในทีมสืบสวนคดีร้ายแรงจนต้องเติบโตแบบปุบปับ หลังจากจบซีซันแรก เขาถูกส่งไปฝึกจริงจังที่โรงเรียนตำรวจ ก่อนจะกลับคืนสู่ทีม Violent Crimes Unit 1 อีกครั้งในฐานะตำรวจที่เก่งขึ้น เข้มแข็งขึ้น แต่ก็ยังคงความกวน ความเฟล็กซ์ และวิธีคิดนอกกรอบเหมือนเดิม (Reddit) แฟน ๆ จะได้เห็นการบาลานซ์ระหว่างการเป็นตำรวจที่มีความสามารถจริง กับการเป็นคุณชายที่ใช้ชีวิตหรูหราควบคู่กันไป
Jung Eun Chae กับบทบาทใหม่ “หัวหน้าสายโหด”
จุดเปลี่ยนใหญ่ของซีซันนี้คือการมาถึงของตัวละครใหม่ “Joo Hye Ra” ที่รับบทโดย Jung Eun Chae ซึ่งจะเป็นหัวหน้าทีมคนใหม่ และเป็นอดีตครูฝึกสุดโหดของ Jin Yi Soo ในโรงเรียนตำรวจมาก่อน ในเรื่องเธอเป็นอดีตเอซของหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย สายบู๊ สายจริงจัง มีภาพลักษณ์สุขุมเย็นแต่โหดจัดในเวลางาน พอมาเจอคุณชายสายเฟล็กซ์อย่าง Jin Yi Soo เลยกลายเป็นคู่หูสุดตีกัน ที่ทั้งชนกันเรื่องวิธีทำงาน แต่ก็ต้องร่วมมือกันลากตัวคนร้ายให้ได้ (Soompi)
ทำไมต้อง Jung Eun Chae?
ก่อนหน้านี้แฟนซีรีส์จำนวนมากคาดหวังว่า Park Ji Hyun จะกลับมารับบทเดิมในซีซัน 2 แต่สุดท้ายมีรายงานว่าเธอไม่สามารถกลับมาได้เพราะคิวชนกับงานอื่น ทำให้ทีมงานต้องมองหานักแสดงหญิงคนใหม่มาประกบ Ahn Bo Hyun และชื่อของ Jung Eun Chae ก็ถูกพูดถึงจนล่าสุดกลายเป็นการคอนเฟิร์มเต็มตัวแล้ว (Soompi)
หลายคนอาจจะคุ้นหน้าจากงานก่อน ๆ ของ Jung Eun Chae ทั้ง “Pachinko”, “Anna”, รวมถึงผลงานสายระทึกขวัญและดราม่าจัด ๆ ที่โชว์พลังการแสดงแบบเข้มข้น การได้มาเล่นซีรีส์แนวสืบสวนคอมเมดี้กึ่งแอ็กชันอย่าง “Flex X Cop 2” เลยดูเป็นอีกมิติที่น่าดูว่าคาแรกเตอร์ Joo Hye Ra จะออกมาแบบไหน คาดว่าเธอน่าจะใส่ความคูล ความเท่ และพลังดุแบบ “devil instructor” ที่สื่อเกาหลีบอกกันมาเต็ม ๆ (ZAPZEE) การเปลี่ยนตัวนักแสดงนำหญิงหลักนี้อาจทำให้โทนเรื่องในแง่ของไดนามิกคู่หูเปลี่ยนไป แต่ก็เป็นการเพิ่มความสดใหม่และความเข้มข้นทางด้านบู๊เข้ามาแทนที่
🚀 โทนเรื่องซีซัน 2: ยังคงความ “เฟล็กซ์” แต่แอ็กชันและดราม่าเข้มข้นขึ้น
จากข้อมูลที่ปล่อยออกมาตอนนี้ โทนของ “Flex X Cop 2” ยังยึดแกนเดิมคือ “flex investigation story” หรือการสืบสวนแบบใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่มี ทั้งเงิน คอนเนกชัน ความคิดนอกกรอบ บวกกับความเกรียนเบา ๆ ของ Jin Yi Soo แต่จะเพิ่มความเข้มข้นในเชิงทีมเวิร์คและความเป็นซีซันต่อเนื่องมากขึ้น ซึ่งแกนหลักของความสนุกจะอยู่ที่การปะทะกันทางความคิดระหว่าง Jin Yi Soo (สายเฟล็กซ์ ไม่แคร์กฎ) กับ Joo Hye Ra (สายตรง เป๊ะตามขั้นตอน) ทั้งคู่ต้องเริ่มจากการไม่ลงรอยกันสุด ๆ ค่อย ๆ ปรับตัวเข้าหากัน และท้ายที่สุดกลายเป็นคู่หูที่ไว้ใจกันได้ในการลากตัวคนร้ายระดับบิ๊กออกมา
-
Conflict: การชนกันระหว่าง “หัวหน้าสายตรง” กับ “ลูกทีมสายเฟล็กซ์” นี่แหละที่น่าจะเป็นหัวใจของความสนุกในภาคนี้ ทั้งการปะทะกันทางความคิด การค่อย ๆ ปรับตัวเข้าหากัน ไปจนถึงเคมีแบบคู่หู
-
Case Upgrade: ทีมงานยืนยันแล้วว่าคดีในซีซัน 2 จะ ยกระดับความใหญ่ ขึ้น ตามสูตรซีรีส์ซีซัน 2 อาจจะโยงไปถึงคดีการทุจริตระดับองค์กรหรือชนชั้นสูง ซึ่งเชื่อมโยงกับพื้นหลังของ Jin Yi Soo ในฐานะทายาทตระกูลใหญ่ ทำให้เกิดคำถามเรื่องศีลธรรมและการใช้อำนาจ
-
Character Development: Jin Yi Soo จะต้องพิสูจน์ตัวเองในฐานะตำรวจอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่คุณชายที่ใช้เงินแก้ปัญหาอีกต่อไป ส่วน Joo Hye Ra ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองในฐานะหัวหน้าทีมผู้หญิงในหน่วยสืบสวนคดีร้ายแรง
🌟 ทำไมแฟนซีรีส์ควรจับตา Flex X Cop 2: นี่คือซีรีส์แฟรนไชส์ที่น่าลงทุนดู!
-
ทีมเบื้องหลังเดิม กลับมาครบ: ผู้กำกับ Kim Jae Hong และนักเขียนบท Kim Ba Da ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของซีซันแรก กลับมาร่วมงานกันเต็มทีม ซึ่งหมายความว่าโทนเรื่อง สไตล์ภาพ และการเล่าเรื่องที่กระชับ ดูง่าย แต่มีย้ำจังหวะพีคให้ลุ้นน่าจะยังอยู่ครบ
-
เทรนด์ซีรีส์เกาหลีแนว “ซีซันต่อเนื่อง” กำลังมา: ปัจจุบันช่องใหญ่ ๆ อย่าง SBS, tvN, OCN เริ่มเน้นสร้างซีรีส์ที่มีหลายซีซันมากขึ้น เช่น “Taxi Driver”, “The Fiery Priest” ฯลฯ “Flex X Cop 2” เลยถูกวางให้เป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ซีรีส์สายสืบสวนคอมเมดี้ของช่อง ที่อาจจะไปได้ไกลกว่าสองซีซัน ถ้ากระแสยังดี
-
อัปเกรดความสัมพันธ์ตัวละครแบบสุดขั้ว: จากคู่หูเดิม สู่การได้หัวหน้าทีมคนใหม่ที่เคยเป็นครูฝึกเก่า การรีเซ็ตไดนามิกตรงนี้ทำให้คนดูได้มุมมองใหม่ ของ Jin Yi Soo ในฐานะลูกน้องที่ต้องทำงานกับคนที่โหดกว่าและเก่งกว่าตัวเอง
-
ศักยภาพของ Jung Eun Chae ในบทสายบู๊: การมารับบทตำรวจหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายที่ขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมสืบสวน มีทั้งฉากบู๊ ฉากไล่ล่า และการสั่งการทีม น่าจะทำให้คนดูได้เห็นมิติใหม่ของการแสดงเธอแบบจัดเต็มในลุคที่คูลและเท่สุด ๆ
สรุปง่าย ๆ คือ ถ้าใครชอบซีรีส์สืบสวนที่ไม่เครียดเกินไป แต่ยังมีเนื้อหาคดีที่เข้มข้น พร้อมคาแรกเตอร์พระเอก–นางเอกที่มีสไตล์ชัดเจน “Flex X Cop 2” คืออีกเรื่องที่ต้องปักหมุดรอดูในปี 2026 แบบห้ามพลาดจริง ๆ เพราะมันคือความลงตัวระหว่างความหรูหราปนฮา กับความจริงจังแบบตำรวจมืออาชีพ
💬 FAQ 3 Topics ที่น่ารู้เกี่ยวกับ “Flex X Cop 2”
-
Flex X Cop 2 มีกำหนดออกอากาศเมื่อไหร่? ตอนนี้ทาง SBS คอนเฟิร์มว่า “Flex X Cop 2” มีแผนออกอากาศในปี 2026 แต่ยังไม่ระบุเดือนและวันชัดเจน ต้องรอติดตามประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งจากช่อง (Soompi) แฟน ๆ อดใจรอกันอีกนิดนะ!
-
นักแสดงหลักในซีซัน 2 มีใครบ้าง? และทำไมถึงเปลี่ยนนางเอก? นักแสดงนำที่ยืนยันแล้วคือ Ahn Bo Hyun ที่กลับมารับบท Jin Yi Soo และ Jung Eun Chae ที่มารับบท Joo Hye Ra หัวหน้าทีมสืบสวนคนใหม่ สาเหตุที่เปลี่ยนนางเอก (จาก Park Ji Hyun) เนื่องจากคิวงานของ Park Ji Hyun ไม่ลงตัว ทำให้ทีมงานต้องหานักแสดงใหม่มาประกบคู่กับ Ahn Bo Hyun แทน
-
ถ้ายังไม่เคยดูซีซันแรก ดูซีซัน 2 รู้เรื่องไหม? ในเชิงโครงเรื่องหลักของคดี น่าจะสามารถดูแยกซีซันได้ เพราะซีรีส์แนวสืบสวนมักจะมีเคสใหม่ในแต่ละภาค แต่ถ้าอยากอินกับพัฒนาการตัวละคร Jin Yi Soo ความสัมพันธ์ในทีม และการเชื่อมโยงบางเหตุการณ์จากซีซันแรก แนะนำให้ดู “Flex X Cop” ซีซัน 1 ให้จบก่อน จะได้เข้าใจมุก ความหลัง และจุดเติบโตของตัวละครมากขึ้น ฟีลเหมือนดูซีรีส์ Marvel ที่ดูแยกได้ แต่ดูรวมจะอินกว่า!
