ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ถ้าพูดถึงชื่อของ Jeon So Min เชื่อว่าแฟน ๆ สายวาไรตี้เกาหลีหลายคนคงคุ้นชื่อเธอเป็นอย่างดีจากการร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกหลักของรายการสุดฮิตอย่าง “Running Man” แต่แล้ววันหนึ่ง เมื่อเธอตัดสินใจโบกมือลารายการที่ทำให้เธอโด่งดังเป็นที่รู้จักในวงกว้าง มันก็เกิดเป็นคำถามมากมายขึ้นในหัวของเหล่าแฟนคลับและคนรอบข้างว่า “แล้วต่อจากนี้ Jeon So Min จะไปทางไหน?” “เธอจะหันไปทำอะไร?” และที่สำคัญที่สุด “เธอมีความสุขดีไหม?” หลังจากช่วงเวลาที่ข่าวการจากลากองถ่าย “Running Man” ถูกพูดถึงอย่างหนัก ในที่สุดเราก็ได้เห็นภาพเธอในรูปแบบที่แตกต่างออกไป นั่นก็คือ การยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์คาเฟ่เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง พลิกบทบาทจากการเป็นดาราวาไรตี้สู่การเป็นบาริสต้าสาวยิ้มหวาน ส่งแก้วกาแฟหอม ๆ ให้กับลูกค้าแทน
ใครจะไปคิดล่ะว่า ดาราสาวที่เคยเป็นที่จับตามองอย่าง Jeon So Min จะมาปรากฏตัวในลุคสาวเสื้อยืด กางเกงยีนส์ มีผ้ากันเปื้อนสีเข้ม สวมหมวกเบสบอลแก๊ป ๆ คอยชงกาแฟและทำเบเกอรี่โฮมเมดเล็ก ๆ ยิ้มแย้มกับลูกค้าอย่างไม่ถือตัว อาจจะมีแฟน ๆ บางคนที่บังเอิญแวะเข้ามาซื้อกาแฟแล้วช็อกไปตาม ๆ กันด้วยความไม่เชื่อสายตาว่า “นี่คือ Jeon So Min ใช่ไหม?” เมื่อได้รับการยืนยันว่าคนตรงหน้าไม่ใช่แค่สาวหน้าเหมือน แต่คือเจ้าตัวจริง ๆ ก็แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องประหลาดใจและมีคำถามในใจมากมาย
ถึงตรงนี้ มีหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมดาราที่เคยสร้างเสียงหัวเราะบนหน้าจอโทรทัศน์มานานจึงหายหน้าหายตาไป และยอมเลือกชีวิตที่เรียบง่ายในคาเฟ่เล็ก ๆ แทนวงการบันเทิงที่เคยทุ่มเท แม้ไม่มีการประกาศอย่างชัดเจนจากปากของ Jeon So Min เอง แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าเธอน่าจะเผชิญกับภาวะ “Career Anxiety” หรือความกังวลในเส้นทางอาชีพของตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ใครบางคนในวงการบันเทิงเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นดาราดังหรือมนุษย์เงินเดือนธรรมดา การตั้งคำถามถึงทิศทางชีวิตและอาชีพในช่วงจังหวะชีวิตใดชีวิตหนึ่งเป็นเรื่องปกติและมนุษย์มาก ๆ
สำหรับ Jeon So Min ว่ากันว่าเธอมีความเครียดภายในใจหลังจากต้องเจอกับภาระหน้าที่และความคาดหวังที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง การอยู่ในแวดวงที่มีการแข่งขันสูงและการถูกจับตาตลอดเวลา อาจทำให้บางครั้งการใช้ชีวิตในฐานะคนดังไม่ง่ายเลย แม้เธอจะได้รับความรักและแรงสนับสนุนจากแฟน ๆ มากแค่ไหน แต่ความกดดันและความต้องการความเป็นส่วนตัวก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
การตัดสินใจละทิ้งรายการที่ทำให้เธอโด่งดังเพื่อออกมาใช้ชีวิตในวิถีที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงนั้น ฟังดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญและท้าทายความคาดหวังของคนรอบข้าง หลายคนมองว่าเธอ “หนี” หรือ “ถอยหลัง” ออกจากความสำเร็จที่ปูทางมาอย่างยาวนาน แต่สำหรับบางมุมมอง การเลือกหยุดเพื่อหายใจ เพื่อค้นหาว่าอะไรคือความสุขแท้จริงในชีวิต เป็นการกระทำที่น่าสนับสนุนมากกว่า
ชีวิตในคาเฟ่เล็ก ๆ นั้น ดูเหมือนจะไม่ได้สนุกไปหมดทุกวินาที เธออาจต้องตื่นเช้ากว่าเดิมมาเตรียมเมล็ดกาแฟ บดกาแฟ ร่อนแป้ง ชั่งวัตถุดิบสำหรับทำเบเกอรี่ อาจต้องล้างแก้ว ล้างจาน ให้บริการลูกค้า ปั่นเครื่องดื่มและตกแต่งฟองนมอย่างละเอียด หรือต้องเผชิญกับวันที่ลูกค้าแน่นร้านจนไม่มีเวลาหายใจ แต่ทั้งหมดนี้มันอาจนำมาซึ่งความรู้สึกสงบในใจ ความสุขแบบธรรมดา ๆ ที่หาได้ยากในชีวิตดารา นั่นคือความอิสระในระดับหนึ่งที่จะเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องแบกรับบุคลิกภาพที่สื่อและผู้ชมคาดหวังไว้ และไม่ต้องกลัวว่าวันไหนจะถูกวิจารณ์ว่าทำหน้าตาไม่สดใสหรือพูดจาไม่ถูกหูใคร
อีกด้านหนึ่งของเรื่องนี้ที่น่าสนใจคือปฏิกิริยาของแฟนคลับ บางคนอาจตกใจในตอนแรก บางคนอาจเสียใจที่ไม่ได้เห็น Jeon So Min บนหน้าจอทีวีทุกสัปดาห์เหมือนเดิม แต่ในขณะเดียวกันก็มีแฟน ๆ จำนวนไม่น้อยที่เข้าใจและส่งกำลังใจให้เธอ หลายคนชื่นชมความกล้าหาญของเธอในการปล่อยมือจากสิ่งที่เคยมั่นคง เพื่อค้นหาสิ่งใหม่ ๆ หรือเพื่อลองใช้ชีวิตในรูปแบบที่แตกต่าง แม้กระทั่งมีแฟน ๆ ที่บินมาเกาหลีเพื่อตามหาร้านกาแฟที่เธอทำงาน เพื่อจะได้พูดคุยสั้น ๆ สักประโยค หรือแค่ได้เห็นรอยยิ้มที่จริงใจของเธออีกครั้ง
นอกจากนี้ ชีวิตหลัง “Running Man” ยังอาจเปิดโอกาสให้ Jeon So Min ได้ค้นหาความสามารถอื่น ๆ ของตนเอง เธออาจได้เรียนรู้ทักษะการชงกาแฟ การทำขนม การตกแต่งร้าน และการสื่อสารกับผู้คนหลากหลายแบบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจกลายเป็นทุนชีวิตที่มีค่า หากในอนาคตเธออยากกลับไปวงการบันเทิง เธอจะกลับไปพร้อมมุมมองใหม่ ๆ หรือหากเธออยากเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเองในอนาคต เธอก็มีประสบการณ์ตรงและความเชื่อมั่นในศักยภาพตัวเองมากขึ้น
ความกังวลในอาชีพ (Career Anxiety) ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใหม่เลย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนจำนวนมากในจุดใดจุดหนึ่งของชีวิต เมื่อเราตั้งคำถามกับตัวเองว่า “สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ใช่สิ่งที่ฉันต้องการจริง ๆ ไหม?” หรือ “ฉันควรเดินไปทางไหนต่อ?” สำหรับ Jeon So Min การหายไปจากจอทีวีและไปยืนชงกาแฟในคาเฟ่ อาจเป็นคำตอบของเธอในช่วงเวลาหนึ่ง บางทีเธออาจแค่ต้องการช่องว่างจากกระแสสังคมและวงการบันเทิงที่แข่งขันดุเดือด เพื่อฟื้นฟูจิตใจและค้นพบความสุขที่แท้จริง
เมื่อมองกลับไปยังเส้นทางของเธอที่เคยโด่งดังจาก “Running Man” เราอาจเข้าใจเธอได้มากขึ้นว่า แสงสปอร์ตไลท์นั้นสวยงามจริง แต่ก็ส่องสว่างและร้อนแรงจนบางครั้งมันอาจเผาไหม้หัวใจคนที่ยืนอยู่ในแสงนั้นให้เหนื่อยล้า ความคาดหวังจากผู้ชม ช่องสถานี สปอนเซอร์ และผู้ร่วมงาน อาจทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกกดดันอย่างไม่รู้จบ การเลือกเดินออกมาและยอมรับความเปลี่ยนแปลง จึงเป็นเรื่องที่ควรได้รับความเข้าใจและเคารพในการตัดสินใจของเธอ
อนาคตของ Jeon So Min จะเป็นอย่างไร ไม่มีใครตอบได้แน่ชัด บางทีวันหนึ่งเราอาจเห็นเธอกลับมาในรายการวาไรตี้ใหม่ พร้อมเรื่องราวที่ลึกซึ้งขึ้นหรือบุคลิกภาพที่เต็มไปด้วยมุมมองใหม่ ๆ หรือบางทีเธออาจเลือกที่จะเป็นเจ้าของคาเฟ่ของตัวเอง ขยายกิจการ และกลายเป็น “Jeon So Min” ในอีกบทบาทหนึ่งที่แตกต่างจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิง แต่ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร เราก็ได้เรียนรู้ว่ามนุษย์ทุกคนย่อมมีสิทธิ์ที่จะหยุดพักและค้นหาตัวเอง
ในท้ายที่สุด เรื่องราวนี้สอนให้เราเห็นว่าสำหรับคนบางคน การมีความสุขไม่ใช่เพียงการยืนอยู่บนจุดสูงสุดของความสำเร็จและชื่อเสียง แต่คือการได้ใช้ชีวิตในแบบที่ใจเราพอใจ เป็นความสุขเรียบง่ายที่ไม่ต้องมีผู้ชมทั้งประเทศมานั่งดู ทุกวันนี้ Jeon So Min อาจยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์คาเฟ่ พร้อมเมล็ดกาแฟหอมกรุ่นในมือ และรอยยิ้มจริงใจบนใบหน้า การได้เห็นเธอมีความสุขกับชีวิตในมุมเล็ก ๆ นี้ อาจเป็นสิ่งที่แฟน ๆ ยินดีและภูมิใจยิ่งกว่าการได้เห็นเธอหัวเราะให้กับกล้องในรายการทีวีเสียอีก เพราะนี่คือ Jeon So Min ในรูปแบบที่เป็นเธอจริง ๆ แบบไม่ต้องปรุงแต่ง และนั่นแหละคือความงดงามของชีวิตหลังจาก “Running Man” ของเธอจริง ๆ.